เซลล์ไขกระดูก เซลล์ประสาท

เซลล์ผิวหนัง เซลล์ปลายราก

เซลล์ปลายยอด เซลล์ตับ

เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์ท่อลำเลียงน้ำและอาหาร

ช่วงท้ายของ interphase

ช่วงท้ายของ prophase

ช่วงท้ายของ metaphase

ช่วงท้ายของ anaphase

โพรเฟส

เมทาเฟส

แอนาเฟส

เทโลเฟส

20

40

60

80

เซลล์จากอัณฑะของตั๊กแตน

เซลล์ตับของปลาตะเพียน

เซลล์กล้ามเนื้อของคน

เซลล์ปลายหางของลูกอ๊อดกบ

เกิดขึ้นในระยะ prophase I

ทุกครั้งที่ต้องการแบ่งเซลล์แบบ meiosis จะต้องเกิด crossing over

มีการแลกเปลี่ยน chromatid ของ homologus chromosome

chromatid เส้นในของ ของ homologus chromosome ไขว้กัน

เลปโททีน

ไซโกทีน

แพคีทีน

ดิโพลทีน

มี homologus chromosome

มี crossing over

มีการจำลองโครโมโซม (chromosome replication)

มีการแยก chromosome หรือ chromatid และเห็นการงอตัวรูปตัววี (v)

มีการเข้าคู่กันของโฮโมกัสโครโมโซม

เซลล์ลูกที่เกิดขึ้นมีจำนวนโครโมโซมเป็น 2n

มีการจำลองตัวของ DNA ก่อนการแบ่งเซลล์

ซิสเตอร์โครมาติดแยกออกจากกันในระยะแอนาเฟส

การจำลอง DNA

การเรียงตัวกลางเซลล์ของโครโมโซม

การแยกตัวของโครมาทิด

การจับคู่ของฮอโมโลกัสโครโมโซม

เมทาเฟส

เทโลเฟส

อินเตอร์เฟส

โฟรเฟส

อาจไม่เหมือนเดิม เพราะขณะแบ่งเซลล์อาจเกิดความผิดพลาด มีบางส่วนของโครโมโซมขาดหายไป

เหมือนแน่นอน เพราะมีการแบ่งเซลล์ครั้งเดียว เป็นการแบ่งครึ่งโครโมโซม

อาจไม่เหมือน เพราะขณะแบ่งเซลล์มีการแลกเปลี่ยนบางส่วนของโครโมโซมจากการไซแนปซิสไคแอสมา และครอสซิงโอเวอร์

เหมือนแน่นอน เพราะมีการจำลองโครโมโซมขึ้นมาอีก 1 ชุด

แบ่ง 2 ครั้ง ได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ เซลล์ใหม่มีจำนวนโครโมโซมเท่ากับเซลล์เดิม (2n)

แบ่ง 2 ครั้ง ได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ มีจำนวนโครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่งของเซลล์เดิม (n)

แบ่งครั้งเดียว ได้เซลล์ใหม่ 2 เซลล์ เหมือนเดิมทุกประการ

เกิดขึ้นกับเซลล์ร่างกายทั่วไป

ไมโทซิสได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ ไมโอซิสได้เซลล์ใหม่ 2 เซลล์

ไมโทซิสไม่มีการไซแนปซิส ไคแอสมาและครอสซิงโอเวอร์ แต่ไมโอซิสมี

ไมโทซิสเป็นการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ไมโอซิสสร้างเซลล์ร่างกาย

ไมโทซิสใช้เวลานานกว่าไมโอซิส

2 โครโมโซม

4 โครโมโซม

8 โครโมโซม

16 โครโมโซม

ทำให้สิ่งมีชีวิตมีการเจริญเติบโต

ทำให้มีเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ชำรุด

ทำให้สิ่งมีชีวิตมีจำนวนโครโมโซมคงที่ในทุกรุ่น

ทำให้เกิดการรวมกันของเซลล์สืบพันธุ์ 2 เพศ