No student devices needed. Know more
30 questions
ผู้แต่งมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี คือใคร
เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
ศรีปราชญ์
พระนารายณ์มหาราย
ข้อใดคือมหาเวสสันดรชาดกฉบับผลงานของเจ้าพระยาพระคลัง(หน)
กัณฑ์ทศพร กัณฑ์ทานกัณฑ์
กัณฑ์กุมาร กัณฑ์มัทรี
กัณฑ์มัทรี กัณฑ์ชูชก
กัณฑ์มหาพน กัณฑ์จุลพน
“ไม่เว้นวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบข้างพระนัยเนตรก็พร่าง ๆ อยู่พรายพร้อม” ข้อใดไม่ใช่ลางร้ายที่เกิดขึ้นกับพระนางมัทรี
ทั้งแปดทิศก็มืดมัวมนทุกแห่งหน
ไม้ที่มีผลเป็นพุ่มพวงก็กลายกลับเป็นดอกดวง
พระพายพัดก็ร่วงโรยรายดอกเป็นมูนมอง
แสรกคานบันดาลพลิกพลัดลงจากพระอังสา
อกของใครจะอาภัพยับพิกลเหมือนอกของมัทรีไม่มีเนตร น่าที่จะสงสารสังเวชโปรดปรานีว่ามัทรีนี้เป็นเพื่อนยากอยู่จริงๆ ช่างค้อนติงปริภาษณาได้ลงคอไม่คิดเลย...”
คำประพันธ์ดังกล่าวนี้ ผู้พูดกล่าวด้วยน้ำเสียงอย่างไร
เหน็บแนม
ตัดพ้อต่อว่า
ดูถูกดูหมิ่น
เยาะเย้ยถากถาง
“สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง
สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด”
คำประพันธ์นี้สะท้อนลักษณะนิสัยของพระนางมัทรีเด่นชัดที่สุดในเรื่องใด
ความรักและคิดถึงลูก
ความอดทนต่อความพยายามค้นหาลูก
ความมุ่งมั่นพยายามค้นหาลูก
ความทุกข์ยากในการตามหาลูก
ข้อใดเป็นแนวคิดสำคัญของเรื่อง
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ความเสียสละที่ยิ่งใหญ่เพื่อมวลชน
ความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูก
บทบาท หน้าที่ของสตรีไทยที่ดีงาม
การบริจาคทานที่ยิ่งใหญ่
“อุปมาเสมือนหนึ่งภุมรินบินวะว่อน
เที่ยวซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ
พบดอกไม้อันวิเศษต้องประสงค์
หลงเคล้าคลึงรสจนลืมรัง”
ใครเป็นคนกล่าวข้อความข้างต้น
พระเวสสันดรพูดกับชูชก
พระเวสสันดรพูดกับนางมัทรี
พระนางมัทรีพูดกับพระเวสสันดร
พระนางมัทรีพูดกับลูก
“อุปมาเสมือนหนึ่งภุมรินบินวะว่อน
เที่ยวซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ
ในที่นี้ใครเปรียบเสมือน "ภุมริน"
พระเวสสันดร
ฤาษี สิทธิ์ วิทยาธร
พระนางมัทรี
ผู้ชายทั่วไป
“พระทรวงนางสั่นระรัวริกเต้นดั่งตีปลา” ข้อความนี้แสดงว่า
พระนางมัทรีรู้สึกต่อไปนี้ ยกเว้น ข้อใด
ตื่นเต้น
กระวนกระวายใจ
ตกใจ
หวาดกลัว
“ต่อมืดมัวจึงกลับมา ทำเป็นบีบน้ำตาตือว่าลูกหาย ใครจะไม่รู้แยบคายความคิดหญิง ถ้าแม้นเจ้าอาลัยอยู่ด้วยลูกจริงเหมือนวาจา ก็จะรีบกลับเข้ามาแต่ตะวันไม่ทันรอน”
ผู้กล่าวข้อความข้างต้น มีจุดประสงค์ใด
1. ต้องการให้ผู้ฟังมีความรับผิดชอบ และตรงต่อเวลา
2. ต้องการให้ผู้ฟังสำนึกผิด และหยุดการตัดพ้อต่อว่าตน
3. ต้องการให้ผู้ฟังคลายความโศกเศร้า โดยการเปลี่ยนเรื่อง
4. ต้องการให้ผู้ฟังทราบว่า ผู้พูดรู้ทันผู้ฟังทั้งความคิดและพฤติกรรม
อะไรเป็นเหตุให้พระนางมัทรีเศร้าโศกจนถึงสลบ
ก. กลัวสัตว์ร้ายที่มานอนขวางหน้า
ข. ถูกพระเวสสันดรบริภาษเกรี้ยวกราดด่าว่า
ค. เที่ยวตามหาพระโอรสธิดาตลอดทั้งคืนแล้วไม่พบ
ง. เหนื่อยยากกับการเที่ยวหาและเก็บผลไม้ซึ่งหาได้ยาก
ข้อใดใช้โวหารเปรียบเทียบแตกต่างจากข้ออื่น
ก. พระอาศรมก็หมองศรีเสมือนหนึ่งว่าจะเศร้าโศก
ข. ครั้นคลาดแคล้วคลื่นคล้อยเข้าสู่ดง
ปานประหนึ่งว่าจะหลงลืมลูกและผัว
ค. ขอบฟ้าก็ดาดแดงเป็นสายเลือด
ไม่เว้นวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบข้าง
ง. เรไรร้องอยู่หริ่งหริ่งระเรื่อยโรย
โหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับประโคมไพร
ดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิสิกขา เมื่อสมเด็จพระนางมัทรีเธอได้สมปฤาดีคืนมา นางพระยาเจ้าละอายแก่เทพดานัก
ข้อใดคือเหตุผลที่ทำให้พระนางมัทรีละอายแก่เทพดา
ก. ที่ทรงโศกเศร้าหนักจนถึงแก่วิสัญญีภาพ
ข. ที่ความอาลัยรักพระลูกนั้นเกินควร
ค. ด้วยเห็นว่านอนอยู่บนตักพระราชฤๅษีมิบังควร
ง. พระสามีก็มิได้ตรัสปรานีแต่สักนิดสักหน่อยหนึ่ง
หลังจากที่กลับจากหาการอาหาอาหาร พระนางมัทรีเกิดความรู้สึกดังว่า "อุปมาเหมือนไข้หนักแล้วมิหนำยังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้ำให้เวทนา"
ความเปรียบนี้มีความหมายตรงกับเหตุการณ์ในข้อใด
ก. เจ็บพระทัยด้วยถูกหาว่าคบชู้แล้วยังทุกข์โศกด้วยเรื่องลูกหาย
ข. ทุกข์โศกด้วยเรื่องลูกหายแล้วยังเศร้าโศกด้วยพระสวามีนิ่งขึงเหมือนทรงขัดเคือง
ค. ทุกข์โศกที่ถูกกล่าวหาว่าลอบคบชู้แล้วยังทุกข์โศกด้วยเรื่องพระสวามีขัดเคือง
ง. ทุกข์โศกด้วยเรื่องตามหาลูกไม่พบ แล้วยังถูกกล่าวหาว่ามารยาลอบคบชู้สู่ชาย
คำกล่าวในข้อใดไม่เป็นการใช้อุบายให้
ความโศกเสื่อมสร่างสงบจิต
ก. ครั้นคลาดแคล้วเคลื่อนคล้อยเข้าสู่ดง
ประหนึ่งว่าจะหลงลืมลูกและผัว
ข. เออก็เมื่อเช้าจะเข้าป่าน่าสงสารปานประหนึ่งว่าจะไปมิได้ ทำร้องไห้ฝากลูกมิรู้แล้ว
ค. อุปมาเสมือนหนึ่งภูมรินบินวะว่อนเที่ยวซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ พบดอกไม้อันวิเศษต้องประสงค์หลงเคล้าคลึงรสจนลืมรัง
ง. พระองค์เห็นพิรุธรอยร้าวที่ตรงไหน ทอดพระเนตรสังเกตไว้แต่ปางก่อน จึงเคืองค่อนด้วยคำหยาบ
แถวโน้นก็แก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง ถัดไปก็สายหยุดประยงค์และยมโดย พระพายพัดก็ร่วงโรยรายดอกลงมูนมอง
คำประพันธ์นี้กล่าวถึงไม้ดอกกี่ชนิด
ก. 6 ชนิด
ข. 7 ชนิด
ค. 8 ชนิด
ง. 9 ชนิด
คำตอบในข้อใดปรากฏพรรณนาโวหาร
ก. ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง
ข. โหยสำเนียงดังเสียงสังคีตขับประโคมไพร
ค. แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย
ง. เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรีโบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส
ข้อใดไม่ปรากฏการใช้ "สัทพจน์"
พระโสตฟังให้หวาดแว่วว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าบ่นอยู่งึม ๆ
พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว
เรไรร้องอยู่หริ่ง ๆ ระเรื่อยโรย
สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง
ข้อใดไม่ปรากฏการใช้ "อัพภาส"
ดะดุ่มเดินเมิลมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ
ใครได้เห็นเป็นขวัญตาเต็มหลงละลายทุกข์ปลุกเปลื้องอารมณ์
เรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่ง ๆ
ตระตรากตระตรำเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้
ข้อใดใช้โวหารภาพพจน์แตกต่างจากข้ออื่น
มีอุปไมยเสมือนหนึ่งลูกทรายทรามคะนองปองที่ว่าจะชมแม่เมื่อสายัณห์
มัทรีเป็นข้าเก่าแต่ก่อนมาดั่งเงาตามพระบาทาก็เหมือนกัน
อุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ย่อมจะอาสัญลงเพราะลูกเป็นแท้เที่ยง
จะเอาแต่เสียงจักจั่นและเรไรอันร่ำร้องนั่นหรือมาต่างแตรสังข์และพิณพาทย์
"อุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ ย่อมจะอาสัญลงเพราะลูกเป็นแท้เที่ยง" ตรงกับสำนวนใด
เทือกเถาเหล่ากอ
ต้นไม้ตายเพราะลูก
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
ตัดช่องน้อยแต่พอตัว
ข้อใดคือความหมายของคำว่า "กฤดาภินิหาร"
เหตุการณ์น่าประหลาดใจ
บุญอันยิ่งใหญ่
การสรรเสริญของเทวดา
ข้อใดคือความหมายของคำว่า "เต็มเดือด"
เหนื่อยหน่ายใจ
อากาศร้อน
โกรธจัด
ข้อใดคือความหมายของคำว่า "ทรามคะนอง"
เที่ยวเล่น
กำลังโต
กำลังซน
ข้อใดคือ "ทานพาหิรกะ"
เลือด เนื้ออวัยวะ
ทรัพย์สิน เงินทอง
ข้อใดคือ "อัชฌัตติกทาน"
เลือด เนื้ออวัยวะ
ทรัพย์สิน เงินทอง
ข้อใดไม่ใช่ลักษณะหญิงสาวที่งามพร้อมด้วยเบญจางคจริต
ผมงาม
เนื้องาม
กริยางาม
ฟันงาม
ผิวงาม
ข้อใดหมายถึง "ความตระหนี่"
อวิหิงสา
บริจาคะ
มัจฉริยธรรม
ข้อใดหมายถึง "สลบ"
ยุบลสาร
วิสัญญี
มูนมอง
สวรรค์มีทั้งหมด 6 ชั้น ชื่อใดไม่ใช่ชื่อสวรรค์
จาตุมหาราชิกา
ยามา
ธตรฐ
ดุสิต
Explore all questions with a free account