10 questions
1.ข้อใดเป็นความหมายของการลงทุน
ก.การใช้จ่ายมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตสินค้าและบริการในอนาคต
ข.การใช้จ่ายเป็นค่าทุนการศึกษาให้กับลูกเพื่ออนาคต
ค.การเก็บรายได้ที่หักจากค่าใช้จ่ายเพื่อไว้ใช้จ่ายในอนาคต
ง. การนำเงินเก็บบางส่วนไปใช้จ่ายในการท่องเที่ยว
2.ข้อใดเป็นความหมายของการออมเงิน
ก.การใช้จ่ายมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตสินค้าและบริการในอนาคต
ข.การใช้จ่ายเป็นค่าทุนการศึกษาให้กับลูกเพื่ออนาคต
ค.การเก็บรายได้ที่หักจากค่าใช้จ่ายเพื่อไว้ใช้จ่ายในอนาคต
ง.การนำเงินเก็บบางส่วนไปใช้จ่ายในการท่องเที่ยว
3.เมื่อมีการออมในระดับครัวเรือนลดลงจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศอย่างไร
ก.เงินคงคลังรัฐบาลลดลง
ข.ทำให้ธนาคารขาดรายได้
ค.เศรษฐกิจหยุดชะงัก
ง.เศรษฐกิจประเทศขาดความสมดุลระหว่างการออมและการลงทุน
4.ข้อใดไม่ได้จัดอยู่ในภาคการลงทุนของภาครัฐบาล
ก.การก่อสร้างสาธารณูปโภค
ข.การพัฒนาสถานบริการของสมาคมการท่องเที่ยว
ค.การพัฒนาแหล่งบริการสาธารณสุข
ง.การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม
5.การออมมีข้อได้เปรียบกว่าการลงทุนในเรื่องใด
ก.ได้รับผลตอบแทนระยะยาวสูงกว่าการลงทุน
ข.มีสภาพคล่องสูงกว่าเงินลงทุน
ค.ผลตอบแทนดอกเบี้ยสูงกว่าเงินลงทุน
ง. มีความเสี่ยงสูงกว่าการนำเงินไปลงทุน
6. การทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายครัวเรือน เป็นการยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามความหมายในข้อใด
ก.ประหยัด อดออม เพื่ออนาคต
ข.การพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน
ค.ใช้จ่ายอย่างประหยัด เหลือใช้เก็บออม
ง.ลดรายจ่าย เพิ่มพูนรายได้
7.ปัจจัยใดเป็นแรงเสริมให้ประชาชนมีการออมเงินเพิ่มขึ้น
ก.อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวลดลง
ข. อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวคงที่
ค.อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวสูงขึ้น
ง.ภาวะเงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้น
8. ปัจจัยในข้อใดที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการตัดสินใจในการออมและการลงทุนมากที่สุด
ก.เทคโนโลยี
ข.ค่าของเงิน
ค.อัตราดอกเบี้ย
ง.การคาดเดาภาวะเศรษฐกิจในอนาคต
9.ปัญหาใดที่ส่งผลต่อการออมและการลงทุนในประเทศไทยมากที่สุดในปัจจุบัน
ก.ประเทศไทยยังมีการออมที่ต่ำกว่าการลงทุน
ข.เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ค.ประเทศไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้ามากกว่าส่งออก
ง.จำนวนเงินคงคลังของรัฐบาลมีปริมาณที่ลดลง
10.ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยของการลงทุนและการออม
ก.ค่าของเงิน
ข.อัตราดอกเบี้ย
ค. การเก็บรายได้
ง.การคาดเดาเกี่ยวกับอนาคต